-
การใช้ชีวิต ให้ผ่านพ้น PM 2.5 ในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง
ผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง คือ ผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ทางเดินหายใจ ผู้ป่วยโรคปอด โรคหัวใจ โรคเรื้อรังอื่นๆ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้ ควรพักอาศัยอยู่ภายในอาคารบ้านเรือน เลี่ยงการเปิดประตูหรือหน้าต่าง ทำความสะอาดอาคารโดยใช้ผ้าชุบน้ำเช็ด หลีกเลี่ยงการใช้ไม้กวาด เนื่องจากทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย การใช้อุปกรณ์ป้องกันระบบทางเดินหายใจ หรือหน้ากากที่กรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ตามมาตรฐาน N95 ซึ่งเป็นหน้ากากที่สามารถกรองอนุภาคขนาดเล็กมาก หน้ากากควรมีสายรัดสองสาย มีส่วนกดที่เป็นโลหะเพื่อกระชับแน่นกับสันจมูก ซึ่งผ้าเช็ดหน้า ผ้าปิดปากและจมูกที่ใช้ทั่วไป ไม่สามารถป้องกันละอองฝุ่นขนาดเล็กได้ ลดกิจกรรมที่ต้องออกแรง เนื่องจากการออกกำลังกายอาจเพิ่มอัตราการหายใจมากขึ้นกว่าปกติ 10-20 เท่า ซึ่งจะนำมลพิษเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้มากขึ้น ลดแหล่งมลพิษอื่นภายในบ้าน เช่น การสูบบุหรี่ การใช้เตาถ่าน การใช้สเปรย์ฉีดพ่นบ้าน การทำอาหาร การจุดเทียน การใช้เครื่องกรองอากาศและแผ่นกรองอากาศ ที่มีประสิทธิภาพระดับปานกลางถึงสูง เพื่อช่วยลดปริมาณอนุภาคจากภายนอกเข้าสู่ภายในอาคาร หลีกเลี่ยงการใช้เครื่องผลิตโอโซน หรือเครื่องเพิ่มปริมาณออกซิเจนที่มีขายตามท้องตลาด ซึ่งมักจะโฆษณาชวนเชื่อว่าสามารถกำจัดเชื้อราและแบคทีเรียในอากาศได้ แต่ความเป็นจริงมีโทษมากกว่าประโยชน์ เนื่องจากระดับโอโซนมักส่งผลกระทบทางสุขภาพต่อมนุษย์ ผู้ที่ใช้รถยนต์ ควรปิดหน้าต่างและช่องอากาศภายในรถยนต์ ปรับให้เป็นระบบที่ใช้อากาศหมุนเวียนภายใน ทั้งนี้ สำหรับรถยนต์บางรุ่นที่ปรับเป็นระบบที่ใช้อากาศหมุนเวียนภายใน อาจพบระดับคาร์บอนไดออกไซด์สะสมและมีระดับสูงขึ้น (มากกว่า 5,000 ppm) จึงแนะนำให้ผู้ที่ใช้รถยนต์เดินทางไกลเปิดหน้าต่างเป็นระยะเพื่อลดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ที่สะสมอยู่ภายในรถ ซึ่งฝุ่น PM 2.5 นี้ สามารถวัดได้โดยการใช้ เครื่องวัดคุณภาพอากาศ เพราะ เครื่องวัดคุณภาพอากาศ จะสามารถวัดค่าอนุภาคขนาดเล็กมากๆ อย่าง PM 2.5 ได้ ซึ่งแน่นอนว่าเครื่องวัดขนาดอนุภาคจะช่วยให้คุณสามารถทราบถึงค่าฝุ่นในที่ต่างๆ ได้ และสามารถพาตัวเองออกมาจากสถานที่เหล่านั้นได้อีกด้วย